No items found.

7 วิธีสร้างคอนเทนต์ขายของให้น่าสนใจจนลูกค้า CF แทบไม่ทัน

Published on
March 6, 2023

ถ้าไม่รู้จะเขียนแคปชั่นขายของหรือว่าทำคอนเทนต์ประเภทไหนใน Facebook, ไอจี, Tiktok, LINE อีเมล ฯลฯ อ่านบทความนี้จบ ทำคอนเทนต์สร้าง Engagement ได้แน่!

คอนเทนต์ขายของ

ยังติดขัดกับการคิดคอนเทนต์ขายของอยู่ใช่ไหม? ถ้าคุณไม่รู้จะเขียนแคปชั่นขายของหรือว่าทำคอนเทนต์ประเภทไหนใน Facebook, ไอจี, Tiktok, LINE อีเมล ฯลฯ ให้ลูกค้าสนใจและเพิ่มยอดขายร้านล่ะก็ บทความนี้จะช่วยให้คุณสร้าง Engagement ให้คอนเทนต์น่าดึงดูดจนลูกค้า CF แทบไม่ทัน 

ดังนั้นมาดู 7 วิธีสร้างคอนเทนต์ขายของที่จะช่วยให้ร้านของคุณโดนใจลูกค้ากันดีกว่า 

1. เลือกรูปแบบคอนเทนต์

อันดับแรกต้องดูว่ามีหรือว่าต้องสร้างคอนเทนต์ประเภทไหนบ้าง เพราะคอนเทนต์แต่ละแบบสามารถสื่อสารกับแฟนเพจและลูกค้าของคุณได้แตกต่างกันไป ในช่วงแรก ๆ อาจจะลองโพสต์คอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ แล้วดูว่าคอนเทนต์แบบไหนที่สร้าง Engagement ร้านหรือคอนเทนต์ไหนที่มีคนสั่งซื้อสินค้าบ้าง เมื่อจับทางได้แล้วรับรองง่าย

สำหรับคอนเทนต์ที่ช่วยดึงดูดและสร้างยอดขายร้านได้แบบออร์แกนิค (Organic) โดยไม่ต้องยิงแอด Facebook และในโซเชียลช่องทางอื่น ๆ ก็ได้แก่

  • วิดีโอ
  • บล็อกหรือบทความ
  • แบบสำรวจหรือคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
  • SMS
  • อีเมล
  • บรอดคาสต์
  • รีวิว
  • ฯลฯ

จะเห็นว่าคอนเทนต์ขายของไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวเสมอไป เพราะฉะนั้นอย่าจำกัดความสร้างสรรค์ในการขายของ สามารถทดลองโพสต์คอนเทนต์หลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้แฟนเพจและผู้ติดตามร้านของคุณได้สนุกเสมอ หากโพสต์แต่คอนเทนต์เดิม ๆ ฟีดของคุณอาจจะดูจืดชืดจนไม่น่าสนใจและไม่เกิดยอดขายในที่สุด

รีวิว
Photo by Ron Lach 

2. มองจากมุมของลูกค้า

ทุกครั้งที่จะเขียนคอนเทนต์ โพสต์แคปชั่น หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดียของร้าน คุณจำเป็นต้องมองจากมุมของลูกค้าเสมอ เช่น ถ้าคุณเป็นลูกค้า คุณจะอยากเห็นคอนเทนต์ประเภทไหนจากร้านที่คุณติดตามบ้าง เพราะฉะนั้นก่อนสร้างคอนเทนต์จะต้องแน่ใจว่าเป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์กับลูกค้าและสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพด้วย

เมื่อคุณผลิตคอนเทนต์จากมุมของลูกค้าแล้ว คอนเทนต์ก็จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างร้านกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แถมยังส่งผลดีต่อร้านได้อีกมากมาย เพราะถ้าคอนเทนต์คุณดีและมีประโยชน์แล้ว ลูกค้าก็จะมีโอกาสแชร์คอนเทนต์บนหน้าฟีดของพวกเขา ทำให้ร้านคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพิ่มโอกาสสร้างยอดผู้ติดตามและยอดขายได้ในที่สุด

3. ศึกษาปัญหาของลูกค้า

เจ้าของร้านหลายคนมักจะมองเห็นไอเดียธุรกิจจากช่องว่างในตลาดสินค้าและบริการใหม่ ๆ ซึ่งการศึกษาปัญหาของลูกค้าก็จะช่วยคุณสร้างโอกาสการทำธุรกิจและทำเงินได้ แนะนำให้เริ่มจากศึกษาความต้องการของลูกค้าก่อนเป็นอันดับแรก แล้วคุณจะพบกับปัญหาของลูกค้าและพบช่องว่างของสินค้าและบริการในตลาด จากนั้นคุณก็จะได้ไอเดียมาพัฒนาสินค้าและบริการของร้านเพื่อปิดช่องโหว่นั้นได้

เมื่อร้านมีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์และสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้แล้ว คอนเทนต์ของคุณก็จะน่าสนใจในสายตาลูกค้าไปโดยปริยาย ซึ่งไอเดียการทำคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นปัญหาและทางออกก็อาจจะเป็นได้ทั้งโพสต์ทั่วไปหรือวิดีโอ เช่น วิธีการใช้งานสินค้าที่ถูกต้อง, วิธีเลือกเสื้อผ้าอำพรางหุ่น, วิธีเลือกสีลิปสติกให้เหมาะกับผิว และวิธีดูแลผมแตกปลายให้สุขภาพดี เป็นต้น

4. แชร์เรื่องราวและที่มา

ไม่มีใครไม่ชอบฟังเรื่องราวดี ๆ หรอกจริงไหม? ยิ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าหรือแบรนด์ที่สนใจแล้ว ยิ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้าน ให้ลูกค้ามั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อตัดสินใจอุดหนุนร้านนั้น ๆ นอกจากนี้เมื่อเจ้าของร้านแชร์เรื่องราวหรือแม้กระทั่งที่มาและแรงบันดาลใจในการทำร้าน ก็จะช่วยให้ลูกค้าอินไปกับร้านและไม่ลังเลที่จะอุดหนุน ทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาในการทำร้านด้วย

และนอกจากเรื่องราวต่าง ๆ แล้วยังสามารถแชร์กิจวัตรประจำวัน แชร์เบื้องหลังการผลิตสินค้า เบื้องหลังการทำคอนเทนต์หรือที่มาของแต่ละโพสต์บนหน้าฟีดร้านได้ด้วย โดยเป้าหมายของการแชร์เรื่องราวเและที่มาของแบรนด์ก็คือการเชื่อมลูกค้าและร้านค้าเข้าหากันในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และนี่ยังเป็นการทำคอนเทนต์ขายของไม่ได้เน้นขาย แต่สามารถขายให้กับลูกค้าชื่นชมและชื่นชอบที่มาของร้านคุณได้

5. สร้างคอนเทนต์เฉพาะแพลตฟอร์ม

บางร้านคิดว่าโพสต์คอนเทนต์เหมือน ๆ กันในทุกแพลตฟอร์มก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าที่จริงแล้ว แต่ละแพลตฟอร์มจะมีคอนเทนต์ที่ได้ผลแตกต่างกันออกไป ดังนั้นร้านจึงต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแต่ละแพลตฟอร์มหลังโพสต์เพื่อดูว่าคอนเทนต์แบบไหนมีประสิทธิภาพสำหรับแพลตฟอร์มนั้น ๆ เช่น คอนเทนต์ที่ได้ผลใน Facebook อาจจะเป็นโพสต์รูปภาพทั่วไป ส่วนโพสต์ที่ได้ผลในอินสตาแกรมกับ TikTok ก็จะเป็น Reels และวิดีโอ เป็นต้น

ดังนั้นคอนเทนต์ขายของของแต่ละแพลตฟอร์มควรแตกต่างกันและควรใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของแต่ละช่องทางให้ได้มากที่สุดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้นและเพิ่ม Engagement ของแต่ละแพลตฟอร์มให้มากขึ้น เพราะเมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์แล้วโอกาสในการขายสินค้าของคุณก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

รีวิว สร้างคอนเทนต์
Photo by Karolina Grabowska

6. เพิ่มลูกเล่นให้คอนเทนต์

จะโพสต์ขายของหรือโพสต์มีสาระอย่างเดียวก็อาจจะไม่โดนใจหรือดึงดูดลูกค้าได้ เพราะฉะนั้นให้เติมลูกเล่นและความสร้างสรรค์ลงไปในโพสต์ขายของของร้านด้วย ซึ่งหากอยากเติมสีสันให้คอนเทนต์และเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพจหรือลูกค้าล่ะก็ สามารถทำเป็นโพสต์ตลก ๆ ควิซคำถาม ให้ลูกค้าโหวต ทำเกม หรือจะทำคอนเทนต์จากเทรนด์หรือกระแสดัง ๆ ก็ได้ รับรองโพสต์ของคุณได้รับความสนใจมากขึ้นแน่นอน

เพราะการขายของในปัจจุบันไม่สามารถโพสต์หรือไลฟ์ขายของเพียงอย่างเดียว แต่คุณต้องมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างร้านกับลูกค้าพร้อมกับดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ไปพร้อมกันด้วย ยิ่งเป็นยุคที่ลูกค้ามีตัวเลือกเยอะแบบนี้ คุณยิ่งต้องหาวิธีทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้นไปอีก และคอนเทนต์ที่มีความสร้างสรรค์และมีลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าลอง

7. ส่งต่อคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ร้านยังสามารถมองหาทางเลือกเพื่อส่งต่อคอนเทนต์ขายของและเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายของร้าน ซึ่งช่องทางที่ว่านี้ก็ได้แก่ SMS และอีเมล โดยคุณสามารถเก็บข้อมูลสำคัญเหล่านี้ได้ด้วยระบบ CRM จากนั้นก็ดูข้อมูลการซื้อสินค้าและส่งต่ออัพเดตข่าวสารรวมถึงโปรโมชั่นดี ๆ ไปยังลูกค้าได้เลยทันที 

ตัวอย่างเช่น ถ้าใกล้ถึงวันเกิดลูกค้า ก็ส่ง SMS และอีเมลไปอวยพรวันเกิดพร้อมมอบส่วนลดเพื่อให้ลูกค้ามาช้อปที่ร้านของคุณอีก หรือหากร้านมีสินค้าเข้าใหม่และอยากแจ้งให้ลูกค้าทราบ ก็สามารถส่ง SMS และอีเมลได้เลยเช่นกัน หรือสำหรับลูกค้ากลุ่มไหนที่เป็นลูกค้าใหม่ก็อาจจะแนะนำโปรแกรมสมาชิกของร้าน และถ้าเป็นลูกค้าเก่าที่ห่างหายไปนานก็สามารถส่งเป็นส่วนลดหรือมอบแคชแบ็คเพื่อเรียกลูกค้ากลับมาก็ได้ แค่ส่งคอนเทนต์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายคุณก็จะขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ CRM

สรุป

และนี่ก็คือทั้ง 7 วิธีสร้างคอนเทนต์ขายของที่จะช่วยให้ร้านของคุณดูน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าเห่าและใหม่ได้เป็นอย่างดี แค่เลือกรูปแบบคอนเทนต์ที่ใช่ของแต่ละแพลตฟอร์มและเติมสีสันให้กับคอนเทนต์ คุณก็จะเห็นยอด Engagement และยอดการสั่งซื้อมากขึ้นแน่นอน แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ร้านต้องแน่ใจว่าเข้าใจความต้องการของลูกค้าและสินค้าของคุณสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้เสียก่อนจึงจะผลิตคอนเทนต์ที่ใช่และเพิ่มยอดขายร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้คุณยังต้องรู้จักแบ่งกลุ่มเป้าหมายและส่งต่อคอนเทนต์ที่ใช่ไปให้ลูกค้าในเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะถ้าหากส่งคอนเทนต์ที่ลูกค้าไม่ได้สนใจออกไป คุณก็จะเสียเวลาและแรงงานในการผลิตตอนเทนต์เปล่า ๆ หรือเผลอ ๆ เสียงบไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ด้วย ดังนั้นควรทำการบ้านก่อนวางแผนทำคอนเทนต์เสมอ เท่านี้คุณก็จะมีคอนเทนต์ขายของที่น่าสนใจจนลูกค้า CF แทบไม่ทันแล้ว 

Author:
ฟร๊องซ์ ธนัชชา
ยังโสดค่ะ
ปิดการขายแชท
และจัดการลูกค้า ในแอปเดียว