ต้องบอกว่า Digital Marketing เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจร้านค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้พ่อค่าแม่ค้ายุคใหม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างง่ายดาย แถมยังสะดวดและรวดเร็ว
ดังนั้นถ้าคุณเพิ่งเริ่มทำธุรกิจและกำลังมองหาลู่ทางการขายอยู่ล่ะก็ บอกเลยว่า Digital Marketing คือเครื่องมือสำคัญมาก ๆ ในปี 2022 นี้ และถ้ายังไม่แน่ใจว่า Digital Marketing คืออะไร ทำไมธุรกิจร้านค้าจึงต้องให้ความสำคัญ บทความนี้จะไขทุกข้อสงสัยให้กับคุณ
เปิดร้านค้าออนไลน์กับ Zaapi โหลดแอปฟรี ที่นี่เลย
Digital Marketing คืออะไร?
Digital Marketing คือ การตลาดออนไลน์ เป็นการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิตอล เพื่อทำให้แบรนด์หรือร้านเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ เป็นประจำ โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ว่านี้จะเป็นสื่อกลางในการแพร่กระจายแบรนด์หรือร้านให้เข้าถึงลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น
ช่องทางไหนคือ Digital Marketing?
การทำการตลาดทั่วไปหรือแบบออฟไลน์ที่เราคุ้นเคยกันดีจะมีทั้งหน้าหนังสือพิมพ์ ป้ายบิลบอร์ด และจดหมาย แต่สำหรับการทำการตลาด Digital Marketing แล้วจะทำบนช่องทางออนไลน์หรือโลกดิจิตอล ซึ่งมีหลายมีหลายช่องทางด้วยกันคือ
- เว็บไซต์
เว็บไซต์ คือสิ่งสำคัญของการทำ Digital Marketing โดยนักการตลาดและธุรกิจร้านค้าใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางในการทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ ดังนั้นเว็บไซต์จึงควรจะนำเสนอทั้งตัวร้านหรือแบรนด์ สินค้า และบริการ นำเสนอให้ชัดเจนและน่าสนใจ และเว็บไซต์ก็ควรโหลดเร็ว ใช้งานง่าย และตอบสนองการใช้งานบนมือถือ
- Search Engine Optimization (SEO)
Search Engine Optimization (SEO) คืออีกหนึ่งวิธีการทำ Digital Marketing ที่มีเป้าหมายในการทำเว็บไซต์และบทความให้ขึ้นอันดับหนึ่งบนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine Result Page โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือโปรโมท แต่ต้องอาศัยคีย์เวิร์ด รวมถึงการปรับปรุงคอนเทนต์และเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและง่ายต่อการค้นหา
- การทำโฆษณาแบบ Pay-Pay-Click (PPC)
Pay-Per-Click (PPC) คือการโฆษณาบนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine เช่น Google, Yahoo และ Bing เป็นต้น ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณบนหน้าแสดงผลการค้นหา (Search Engine Result Page)
ข้อดีของการทำโฆษณาแบบ Pay-Per-Click คือตรงจุดและสามารถกำหนดแยกกลุ่มเป้าหมายได้ตามเพศ อายุ ทำเลที่อยู่ และความสนใจ
- Content Marketing
Content Marketing คือการใช้คอนเทนต์สื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้คน โดยคอนเทนต์ที่ว่านี้รวมถึงแคปชั่นเฟสบุ๊ค, ไอจี, บล็อก และอีเมล รวมไปถึงสื่อต่าง ๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ และอินโฟกราฟิก เป็นต้น
โดยหัวใจของการทำ Content Marketing คือการมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้แน่ชัดว่าทำคอนเทนต์ไปเพื่ออะไร เช่น ให้ความรู้ สร้างความบันเทิง ให้แรงบันดาลใจ ฯลฯ
- Social Media Marketing
Social Media Marketing หรือการทำการตลาดผ่าน Social Media เป็นการนำ Traffic มายังหน้าเพจหรือเว็บไซต์และสร้าง Brand Awareness โดยการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนออนไลน์ และช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการทำ Social Media Marketing ก็คือ เฟสบุ๊ค, ไอจี, ทวิตเตอร์, ยูทูป และ LinkedIn
- Email Marketing
Email Marketing คือการทำการตลาดผ่านอีเมล ซึ่งทางร้านจะต้องมีอีเมลและข้อมูลการติดต่อลูกค้า เป็นการส่งสารสำคัญ เช่น โปรโมชั่นหรืออัพเดตใหม่ ๆ ไปยังลูกค้า ทั้งยังสามารถดึง Traffic ไปยังช่องทางอื่น ๆ ของร้านได้ด้วย เช่น กลุ่มเฟสบุ๊ค บล็อก และหน้าสินค้า
นอกจากนี้ยังมีช่องทางการทำ Digital Marketing อื่น ๆ อีกมากมายเช่นกัน อาทิ SMS Marketing, Affiliate Marketing, Facebook Ads และ Mobile Marketing เป็นต้น
ทำไมต้อง Digital Marketing?
คราวนี้มาถึงจุดสำคัญที่ว่า แล้วทำไมร้านค้าหรือธุรกิจต้องรับ Digital Marketing มาปรับใช้ในปี 2022 นี้?
นั่นก็เพราะว่า Digital Marketing ช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นมาก ทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกเพียบ คือ
- เข้าถึงลูกค้าได้ในหลายพื้นที่
เมื่อยิงโฆษณาออนไลน์ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเห็นโฆษณาของคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ก็มีโอกาสเห็นโฆษณาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีการจำกัดพื้นที่ Digital Marketing จึงช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ในหลายพื้นที่ กว้างขึ้น และช่วยขยายธุรกิจให้โตได้ง่ายขึ้น
- คุ้มค่า
Digital Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกัลการทำการตลาดทั่วไป เพราะค่าโฆษณาบนหนังสือพิมพ์ ทีวี และค่าโฆษณาออฟไลน์อื่น ๆ มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แถมยังควบคุมไม่ได้เต็มที่ว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเห็นโฆษณาหรือไม่
แต่ด้วย Digital Marketing แล้ว คุณสามารถสร้างคอนเทนต์และดึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมายังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของร้านหรือแบรนด์ได้เลย คุณสามารถกำหนดส่งอีเมลไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างอัตโนมัติ ทั้งยังปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ได้ตามต้องการ Digital Marketing จึงเป็นการทำการตลาดที่ทั้งคุ้มค่าและยืดหยุ่น
- วัดผลลัพธ์ได้
ถ้าอยากจะรู้ว่าแคมเปญการตลาดได้ผลหรือไม่ก็ต้องดูจำนวนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาที่แพลตฟอร์มและยอดขายจากแคมเปญการตลาดนั้น ๆ ซึ่งคุณไม่สามารถวัดผลลัพธ์ที่ว่านี้ได้อย่างชัดเจนด้วยการทำการตลาดแบบออฟไลน์ แต่ในทางตรงกันข้าม Digital Marketing สามารถวัดผลลัพธ์ในการทำการตลาดได้อย่างง่ายดาย
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยวัดผลและติดตามเป้าหมายของแคมเปญได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเปิดอีเมล (Open Rate), Conversion, Traffic ไปยังหน้าสินค้า หรือหน้าโฮมเพจ เป็นต้น
- เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วย Digital Marketing แล้ว คุณจะสื่อสารและเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบนช่องทาง Social Media ตัวอย่างเช่น เวลายิงแอดเฟสบุ๊คแล้วลูกค้าเห็นโพสต์และคอมเมนต์ ทางร้านก็จะโต้ตอบกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ร้านมีตัวตน น่าเชื่อถือ ทั้งยังสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ด้วย
และการโต้ตอบระหว่างร้านกับลูกค้าแบบนี้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสันพันธ์ที่ดีและ Loyalty ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว
- ขายง่ายและสะดวก
การทำการตลาด Digital Marketing ช่วยให้ลูกค้าลงมือทำได้ทันทีหลังจากพบเห็นโฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณ โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสามารถคลิกลิงก์ บันทึกบล็อก และคลิกซื้อสินค้าได้ทันที หรือแม้แต่กลุ่มเป้าหมายบางคนที่ไม่ได้คลิกซื้อสินค้าทันที ทางร้านก็จะมีชุดข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่สนใจสินค้าและบริการ ช่วยให้ร้านมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนั้นและมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ในที่สุด
ในทางกลับกันถ้าเป็นการทำการตลาดแบบออฟไลน์ คุณจะไม่มีโอกาสเก็บข้อมูลและขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าที่เคยสนใจสินค้าและบริการได้ง่ายขนาดนี้ เพราะส่วนใหญ่เราก็จะทำได้แค่รอสายลูกค้าหรือรอลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าทีร้านเท่านั้น
- สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์/ร้าน
หลายแบรดน์หรือร้านเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วยการทำ Digital Marketing เพราะปัจจุบันทุกคนมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ยิ่งมีคนพบเห็นแบรนด์หรือร้านของคุณมากเท่าไหร่ แบรนด์หรือร้านของคุณก็จะเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพียงแต่จะต้องมีตอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเท่านั้น
เปิดร้านค้าออนไลน์กับ Zaapi โหลดแอปฟรี ที่นี่เลย
การวางแผนและปรับใช้ Digital Marketing ในร้าน
เห็นข้อดีของการทำ Digital Marketing แล้วอยากลองเริ่มทำให้ร้านหรือแบรนด์ของคุณแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งก่อนลงมือทำเรามีเคล็ดลับเบื้องต้นมาแนะนำ ซึ่งก็คือ
- ระบุและแยกกลุ่มเป้าหมาย
ปัจจุบันลูกค้าต่างก็อยากได้ประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและพิเศษ ดังนั้นจึงต้องเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี เช่น ปัญหา, อายุ, เพศ และทำเลที่อยู่ เป็นต้น เพื่อจะได้สร้างคอนเทนต์ได้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า
- ตั้งเป้าหมายและวางแผนกลยุทธ์
ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพื่อตั้งเป้าหมายและวางแผนกลยุทธ์การขาย รวมถึงมีเกณฑ์การวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น Reach, Impression, Engagement Rate และ Conversion เป็นต้น
- ศึกษาแพลตฟอร์มและช่องทาง
หากคุณเป็นมือใหม่ จะต้องทำความเข้าใจแพลตฟอร์มและช่องทางต่าง ๆ ที่จะทำการตลาด Digital Marketing เพื่อจะได้งานได้อย่างคล่องตัวและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- ปล่อยคอนเทนต์และปรับแต่งตามเหมาะสม
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาปล่อยคอนเทนต์ หลังจากปล่อยแล้วก็ให้ดูว่าคอนเทนต์ (หรือแคมเปญการตลาด) เป็นยังไง ได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ จากนั้นก็ปรับแต่งให้น่าสนใจและเหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละแคมเปญมากที่สุด
สรุป
ทำความรู้จักกับ Digital Marketing และเห็นความสำคัญในการทำธุรกิจกันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาลงมือทำ! ซึ่งคุณสามารถเริ่มได้จากแพลตฟอร์มที่ร้านหรือแบรนด์ใช้บ่อยมากที่สุด อาจจะเริ่มจาก Social Media Marketing เว็บไซต์ หรือ Email Marketing ก็ได้ และสิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือ คุณต้องมีสาร (Message) และเป้าหมายของแคมเปญการตลาดแต่ละอันอย่างชัดเจน จะได้วัดผลง่ายและวางแผนปรับเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การขายต่อไป แล้วร้านของคุณจะปังในปี 2022 นี้แน่นอน!
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub