กลับสู่หน้าบล็อกหลัก
Published
May 21, 2025
30
mins read

รวมเครื่องมือจำเป็นสำหรับธุรกิจในบทความเดียว จัดการร้านออนไลน์ให้ปังด้วย CRM, ระบบรวมแชท และแชทบอท AI

อยากให้ร้านออนไลน์โตไว ขายดี และจัดการลูกค้าแบบมืออาชีพ? บทความนี้รวมทุกเครื่องมือจำเป็นไว้ให้ครบ ทั้ง CRM, ระบบรวมแชท และแชทบอท AI พร้อมวิธีเลือกใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

รวมเครื่องมือดิจิทัลสำหรับธุรกิจออนไลน์ เช่น CRM, รวมแชท, แชทบอท และ AI Tools

ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจออนไลน์ไม่สามารถพึ่งพาแค่สินค้าและราคาที่แข่งขันได้อีกต่อไป แต่ต้องใช้ “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้คุณรู้จักลูกค้า ตอบสนองได้ไว และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจได้อย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นระบบ CRM ที่ช่วยจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า, ระบบรวมแชท ที่รวมทุกข้อความจากหลากหลายแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว หรือ แชทบอทและ AI ที่ทำงานแทนคุณตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องมือเหล่านี้คือหัวใจของการทำธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการ “โตให้ไว ขายให้ได้ และดูแลลูกค้าให้อยู่กับเรานานที่สุด”

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแต่ละเครื่องมือ พร้อมเหตุผลว่าทำไมร้านค้าออนไลน์ถึงควรใช้ และมีตัวอย่างระบบยอดนิยมที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ต้องมี เพื่อเพิ่มยอดขายและบริหารลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ครบทั้ง CRM, ระบบรวมแชท และแชทบอท โดยมีเนื้อหาครอบคลุมดังนี้:

✅ CRM (Customer Relationship Management)

  • CRM คืออะไร?
    ทำความเข้าใจระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และหน้าที่หลักของ CRM ในธุรกิจออนไลน์

  • ทำไมร้านค้าออนไลน์ถึงต้องมี CRM?
    เจาะลึกประโยชน์ในการเก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

  • 6 CRM ยอดนิยมที่เจ้าของธุรกิจเลือกใช้
    แนะนำระบบ CRM ที่เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่

✅ ระบบรวมแชท (Chat Integration Platform)

  • ระบบรวมแชทคืออะไร?
    อธิบายการรวมแชทจากหลายช่องทาง เช่น Facebook, IG, LINE, Whatsapp, Shopee, Lazada และ Tiktok Shop ไว้ในที่เดียว

  • ทำไมร้านค้าควรมี “ระบบรวมแชท”?
    เน้นข้อดีด้านการจัดการที่รวดเร็ว ตอบลูกค้าทันใจ เพิ่มโอกาสปิดการขาย

✅ แชทบอท (Chatbot)

  • แชทบอทคืออะไร?
    รู้จักกับผู้ช่วยอัตโนมัติที่สามารถตอบคำถามลูกค้าแทนคุณได้ 24 ชั่วโมง

  • ทำไมแชทบอทจึงเป็นเครื่องมือสำคัญของ Digital Marketing ยุคใหม่?
    วิเคราะห์บทบาทของแชทบอทในยุคที่ลูกค้าออนไลน์ต้องการความเร็วและความแม่นยำ

  • ข้อดีของ Chatbot
    ประหยัดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

  • แนะนำ 10 แชทบอทยอดนิยม
    รวมลิสต์ตัวเลือกแชทบอทที่ใช้งานง่าย ได้ผลจริง

CRM คืออะไร

CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจนเกิดความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในที่สุด นอกจากนี้ CRM ยังหมายถึงกระบวนการการจัดการการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระหว่างการขายอีกด้วย

กลยุทธ์หรือวิธีการใดที่ใช้ข้อมูลเพื่อสร้าง ปรับปรุง และบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ถือเป็น CRM ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมักจะเป็นที่รู้จักกันในเชิงของระบบ CRM หรือโปรแกรม CRM ถ้าจะพูดง่าย ๆ หัวใจของ CRM คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าโดยใช้ข้อมูลเพื่อมอบประสบการณ์ที่ใช่และตรงใจจนก่อให้เกิดความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) และการซื้อซ้ำนั่นเอง

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ CRM

ระบบ CRM มีอะไรบ้าง ?

อย่างที่พูดถึงกันไปแล้วว่า CRM ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในด้านของระบบหรือโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะหลัก ๆ แล้ว ระบบ CRM จะประกอบไปด้วย 5 ส่วนสำคัญดังนี้ :-

1. การจัดการข้อมูลลูกค้า

เป็นการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ, เบอร์โทร, ที่อยู่, อีเมล และการบันทึกข้อมูลลูกค้าอย่างประวัติการซื้อสินค้า ระดับสมาชิก ฯลฯ เพื่อใช้งานหรือวางแผนการให้บริการลูกค้าในลำดับต่อไป

2. การให้บริการลูกค้า

การให้บริการลูกค้า หรือ Customer Service เป็นพื้นฐานของการทำ CRM เพราะหากลูกค้ามีปัญหาหลังการซื้อสินค้า คุณก็จะมีข้อมูลครบถ้วนและให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้

3. การเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย

ระบบ CRM จะช่วยให้คุณขายสินค้าได้อย่างอัตโนมัติจากข้อมูลที่จัดเก็บในระบบ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ก็สามารถติดตาม จัดการและควบคุมสต๊อกสินค้า วัดผลปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รวมไปถึงวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการวางแผนการขาย

4. การทำการตลาด หรือ Marketing

คุณสามารถใช้ข้อมูลในระบบหรือโปรแกรม CRM มีวิเคราะห์และกำหนดแนวทางในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลแบบแมนวล (Manual)

5. การทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น

เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Integretion ถือเป็นส่วนสำคัญของระบบ CRM เพราะหากระบบที่ใช้ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ไม่มีระบบหลังบ้าน (Back Office) หรือไม่มีฟีเจอร์สำคัญ เช่น การสต๊อกสินค้า การจัดการออเดอร์ ฯลฯ ก็จะส่งผลให้การทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งยังอาจเกิดความผิดพลาดและเสียเวลาในการทำข้อมูลอีกด้วย

ทำไมธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ถึงต้องมี CRM ?

CRM (Customer Relationship Management) คือ หลักการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่ถือว่าจำเป็นต่อทุกธุรกิจ และเหตุผลที่ทำไม CRM ถึงสำคัญและจำเป็นมาก ๆ ก็ได้แก่

1. ช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

CRM จะช่วยปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า ยิ่งเมื่อคุณมีตัวช่วยในการเข้าถึงข้อมูลและประวัติของลูกค้าแล้ว คุณก็จะเข้าใจความต้องการของลูกค้าและสามารถให้บริการได้ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น รวมถึงสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและได้ผล

2. CRM ช่วยเพิ่มยอดขาย

เมื่อคุณสามารถติดตามข้อมูลลูกค้าและนำข้อมูลด้านพฤติกรรมการซื้อมาวิเคราะห์แล้ว คุณก็จะรู้ว่าลูกค้าชอบสินค้าแนวไหน จากนั้นก็จะปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้น ๆ หรือบุคคลนั้น ๆ ได้ง่าย ทำให้มีโอกาสเพิ่มยอดขายร้านได้มากยิ่งขึ้น

3. ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าขาประจำ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อร้านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าแล้ว ทางร้านก็จะเปลี่ยนลูกค้าหน้าใหม่ให้เป็นขาประจำและสร้างความภักดีของลูกค้าได้ไม่ยาก ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากร้านค้าออนไลน์ของคุณจะต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังต้องสื่อสารกับลูกค้าเป็นประจำด้วย

4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างทีม

เมื่อธุรกิจออนไลน์ของคุณมีการเติบโตขึ้น ก็จะต้องมีการทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า และการนำระบบ CRM มาใช้งาน ก็จะทำให้ทุกทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกทีมจะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลเดียวกันและร่วมกันวางแผนงานไปในทิศทางเดียวกันนั่นเอง

5. มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

การใช้โปรแกรม CRM จะช่วยให้คุณมีข้อมูลเชิงลึก ทำให้มองภาพธุรกิจออกง่ายขึ้นและสามารถตัดสินใจเชิงธุรกิจได้อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การขาย และการบริการ

6. คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น

สำหรับการทำธุรกิจและการขายของออนไลน์แล้ว บอกเลยว่ารู้อะไรก็ไม่สู้รู้ใจลูกค้า ยิ่งเมื่อคุณมีข้อมูลเชิงลึกที่ระบุถึงตัวตนและความต้องการของลูกค้าแล้ว คุณก็จะสามารถคาดการณ์การผลิต การจัดสรรทรัพยากร การขาย และอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น

7. อยู่เหนือเกมการทำธุรกิจ

ระบบ CRM หรือการทำ CRM ช่วยให้คุณบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่งจนนำไปสู่การสร้างความภักดีของลูกค้าได้ ซึ่งเมื่อคุณทำข้อนี้ได้ คุณก็จะอยู่เหนือเกมธุรกิจและมีความได้เปรียบทางด้านการตลาด อีกทั้งทำให้การเติบโตของร้านยั่งยืนอีกด้วย

6 CRM ยอดนิยม

1.  Salesforce

เลือกระบบ CRM หรือโปรแกรม CRM ทั้งทีก็ต้องเลือกอันที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจใช่ไหม? ซึ่งบอกเลยว่า Salesforce เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่คนค้าขายออนไลน์มักจะพิจารณา เพราะ Salesforce เป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างเสถียรและรองรับหลายฟังก์ชั่น ทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การทำธุรกิจออนไลน์ง่ายขึ้น เช่น ข้อมูลการขาย, การตลาดแบบอัตโนมัติ, การจัดการพาร์ทเนอร์ และการบริการลูกค้า ตัวระบบทำงานบนคลาวด์ ไม่จำเป็นต้องซื้อฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์เพิ่มเติม หากแต่ต้องซื้อตัวระบบออนไลน์ และการเป็นระบบ CRM ที่ทำงานบนคลาวด์ของระบบ CRM Salesforce นี่เอง ที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของร้านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทุกเวลา

นอกจากนี้โปรแกรม CRM ของ Salesforce ยังสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ ทำให้คุณสามารถปรับระบบให้เข้ากับร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณได้อย่างสบายๆ และแน่นอนว่าตัวระบบยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ทำให้คุณสามารถรวมขั้นตอนการทำธุรกิจออนไลน์ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว โดยราคาของ Salesforce เริ่มต้นที่ $25 ต่อเดือน ต่อหนึ่งผู้ใช้งาน หรือราว ๆ 900 บาทต่อเดือนต่อหนึ่งผู้ใช้งาน

2.  Zoho CRM

อีกหนึ่งโปรแกรม CRM ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพก็คือ Zoho CRM เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโต สามารถช่วยระบุกลุ่มคนที่แสดงความสนใจสินค้าและมีแนวโน้มว่าจะมาเป็นลูกค้าของร้าน มีฟีเจอร์การจัดการการติดต่อลูกค้า ควบคุมการขาย รวมไปถึงมีทีมลูกค้าสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังมีการผสานปัญญาประดิษฐ์หรือ (AI: Artificial Intelligent) เพื่อจับตามองและคาดการณ์เทรนด์การขาย อีกทั้งช่วยดูผลประกอบการของคุณไปพร้อม ๆ กัน

Zoho CRM พัฒนามาเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ นอกจากจะมีฟีเจอร์น่าสนใจแล้วยังมีข้อมูลสำคัญสำหรับธุรกิจ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ลูกค้าซื้อสินค้าจากทางร้าน เรียกว่าครอบคลุม Customer Journey ทั้งหมด ทั้งนี้ยังสามารถปรับแต่งระบบการทำงานและปรับใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยราคา Zoho CRM เริ่มต้นที่เดือนละ $14 ต่อเดือน หรือราว ๆ 500 บาทต่อเดือนต่อหนึ่งผู้ใช้งาน

3.  HubSpot CRM

HubSpot CRM เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน โดยตัวโปรแกรม CRM ของ HubSpot มีแดชบอร์ด (Dashboard) ข้อมูลภาพรวมของกระบวนการขาย เพื่อให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสารถติดตามกิจกรรมการขายที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และ HubSpot CRM ยังสามารถติดตามปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ ทั้งทางอีเมล โซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการโทร

ถ้าจะพูดแบบรวมๆ ระบบ CRM ของ HubSpot ก็ถือว่าครอบคลุมและออกแบบมาเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซเช่นกัน ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ถ้าดูในเรื่องของราคาก็ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง แม้จะมีให้ใช้งานฟรี แต่ถ้าอยากอัพเกรด ราคาระบบ CRM ของ HubSpot ก็เริ่มต้นที่ $200 ต่อเดือน หรือราว ๆ 7,200 บาท และจำกัดจำนวนรายชื่อผู้ติดต่อที่ 100 คอนแท็คเท่านั้น หากเกินกว่านี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ $100 หรือราว ๆ 3,600 บาทต่อ 1,000 คอนแท็ค

4.  Freshsales

Freshsales เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ในเครือ Freshworks ถือเป็นระบบ CRM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามลูกค้า โดยมีฟีเจอร์การโทร, อีเมล, การให้คะแนนลูกค้า (Lead Scoring) รวมไปถึงการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าและการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าอีกด้วย

หากต้องการเข้าถึงข้อมูล Freshsales ก็มีแดชบอร์ด CRM และแดชบอร์ดการขาย ให้ประกอบการตัดสินใจเชิงธุรกิจได้อย่างแม่ยำยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ระบบ CRM ของ Freshsales ยังมีทีมลูกค้าสัมพันธ์คอยดูแลเมื่อมีปัญหา สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ฟรี และหากต้องการอัพเกรด ค่าใช้จ่ายของ​ Freshsales ก็เริ่มต้นที่เดือนละ $14 ต่อเดือน หรือราว ๆ 500 บาทต่อเดือนต่อหนึ่งผู้ใช้งาน

5.  ActiveCampaign

ActiveCampaign เป็นตัวเลือกระบบ CRM ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำการตลาดทางอีเมล (Email Marketing) เป็นเครื่องมือ CRM อัตโนมัติที่มีเทมเพลตอีเมลให้เลือกใช้งานหลากหลาย สามารถแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อเพื่อส่งเนื้อหาหรือคอนเทนต์ รวมทั้งข้อเสนอให้ตรงใจกับกลุ่มคนที่สนใจสินค้าหรือกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หากร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซต้องการเน้นการทำการตลาดผ่านอีเมล บอกเลยว่า ActiveCampaign ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

นอกจาก Active Campaign จะสามารถส่งตรงคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการขายแล้ว ยังสามารถใช้ส่งต่อคอนเทนต์มัดใจลูกค้าเพื่อสร้างฐานลูกค้าขาประจำและเก็บรักษาลูกค้าเหล่านั้นไว้ด้วย ทั้งนี้ ActiveCampaign ยังมีฟีเจอร์อื่นที่ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและทำการตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น เครื่องมือการทำการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automaiton) และเครื่องมือส่งข้อความ (Messaging) ผ่านอีเมล, SMS, ฯลฯ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์คือยอดขายได้มากขึ้น ทั้งนี้แพ็คเกจราคา CRM กับ Sale Engagement ของ ActiveCampaign เริ่มต้นที่ $19 ต่อเดือนหรือราว ๆ 700 บาท

6.  Pipedrive

Pipedrive เป็นระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพ เน้นในเรื่องของการจัดการกระบวนการขาย ช่วยให้เจ้าของธุรกิจออนไลน์จัดตารางกำหนดส่งอีเมล โทรศัพท์ และมอบหมายงานง่าย ๆ ทำให้ร้านสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ในระยะยาวในง่ายยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ Pipedrive มีอินเทอร์เฟซการใช้งานที่เรียบง่ายและสามารถปรับใช้งานให้เข้ากับธุรกิจได้ ถือว่าเหมาะมากสำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง เพราะ Pipedrive สามารถช่วยผสานขั้นตอนการทำ CRM รวมถึงขั้นตอนการขายให้เป็นไปในทางเดียวกัน ช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การตลาดและเทคนิคการขายได้ง่ายขึ้น หากสนใจต้องการใช้งาน Pipedrive ราคาก็เริ่มต้นที่ US$12.50 ต่อเดือนต่อหนึ่งผู้ใช้งาน หรือราว ๆ 450 บาทต่อเดือน ต่อหนึ่งผู้ใช้งาน

ระบบรวมแชทคืออะไร?

ระบบรวมแชท (Chat Integration System หรือ Unified Chat Platform) คือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถรวมการสนทนาจากหลายช่องทาง เช่น Facebook Messenger, Instagram DM, LINE OA, Shopee และ Lazada ไว้ในที่เดียว เพื่อให้ทีมขายหรือแอดมินสามารถตอบลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องสลับแอปหรือเสียเวลาค้นหาข้อความ

ระบบนี้ยังมาพร้อมเครื่องมือจัดการแชท เช่น แบ่งกลุ่มลูกค้า ใส่แท็ก สร้างข้อความตอบกลับอัตโนมัติ และใช้ AI ช่วยตอบคำถามซ้ำ ๆ ทำให้การดูแลลูกค้าเป็นระบบและประหยัดเวลายิ่งขึ้น

1. Facebook Fanpage

Facebook Fanpage เป็นช่องทาง Social Commerce ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ร้านค้าใช้โพสต์ รูปภาพ และวิดีโอเพื่อโปรโมตสินค้า แสดงวิธีใช้งาน และจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เมื่อลูกค้าสนใจหรือมีคำถาม ก็มักจะทักแชทเข้ามาทางเพจโดยตรง

สอนตั้งค่าตอบคอมเมนต์ Facebook และ Instagram อัตโนมติ

2. Instagram

หากร้านค้าของคุณยังไม่มี Instagram ถือว่าพลาดโอกาสทองไปไม่น้อย เพราะ Instagram เป็นช่องทาง Social Commerce ที่โดดเด่นในการนำเสนอภาพสินค้า ลูกค้าชอบดูภาพสวย ๆ และวิดีโอน่าสนใจ หากร้านค้ามีภาพหรือคลิปที่ดึงดูด ก็มีโอกาสสร้างยอดขายได้ง่ายขึ้น ลูกค้ายังสามารถ DM เข้ามาสอบถามได้ทันที

3. Whatsapp

WhatsApp เป็นแอปแชทยอดนิยมระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่คนใช้มือถือเป็นหลัก สำหรับร้านค้าออนไลน์ WhatsApp Business เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพูดคุยกับลูกค้าแบบส่วนตัว ใช้ตอบคำถาม ส่งแคตตาล็อก ยืนยันคำสั่งซื้อ แจ้งสถานะจัดส่ง และให้บริการหลังการขาย—all แบบเรียลไทม์จุดแข็งคือความเร็ว ความคุ้นเคย และความน่าเชื่อถือ ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่ได้คุยผ่านแอปที่ใช้อยู่ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่างข้อความตอบกลับด่วน การติดป้ายจัดหมวดหมู่ และระบบตอบรับอัตโนมัติ ช่วยให้ร้านค้าบริหารแชทได้อย่างมืออาชีพ

4. Lazada

Lazada เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม E-commerce ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีฟีเจอร์แชทในตัวที่เรียกว่า “Lazada Chat” ให้ลูกค้าสามารถทักหาผู้ขายได้โดยตรงภายในแอป ทำให้ร้านค้าตอบคำถาม แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม หรือส่งโปรโมชั่นเฉพาะตัวได้ง่ายขึ้นหากร้านค้าตอบแชทไวและสื่อสารดี ก็มีโอกาสได้รับเรตติ้งที่สูงขึ้น มียอดขายมากขึ้น และเสริมความน่าเชื่อถือของร้าน

5. Shopee

Shopee มีระบบแชทในแอปที่ชื่อ “Shopee Chat” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารกับลูกค้า ผู้ขายสามารถใช้เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ แนะนำสินค้าอื่น แจ้งสถานะจัดส่ง หรือแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว Shopee ยังให้ความสำคัญกับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว โดยมีระบบวัดเวลาการตอบกลับ และให้รางวัลกับร้านที่ตอบเร็ว เช่น การเพิ่มการมองเห็นหรือให้ป้ายรับรองหากร้านค้าละเลยข้อความใน Shopee Chat อาจส่งผลเสียต่อยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง

6. Tiktok Shop

TikTok Shop ผสานคอนเทนต์วิดีโอสั้นเข้ากับระบบ E-commerce ได้อย่างลงตัว โดยมีระบบแชทเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย เมื่อลูกค้าดูวิดีโอสินค้าหรือไลฟ์สด แล้วสนใจ ก็สามารถทักร้านค้าได้ทันทีผ่านระบบแชทของ TikTok นี่คือโอกาสทองที่ร้านค้าจะตอบคำถามแบบเรียลไทม์และปิดการขายได้ในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะระหว่างการไลฟ์ขายของ หากตอบไว ยอดขายก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และสร้างความไว้วางใจได้มากขึ้น

ทำไมร้านค้าควรมี “ระบบรวมแชท” (Chat Integration Platform)?

1.  รวมทุกช่องทางแชทในแพลตฟอร์มเดียว

การรวมแชทจากเฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger), ไลน์ (LINE), ไอจี (Instagram), TikTok, Shopee, Lazada ฯลฯ เข้ามาไว้ในระบบเดียวช่วยให้ทีมแอดมินไม่ต้องสลับไปมาระหว่างหลายแอปพลิเคชัน หรือล็อกอินเข้าใช้งานระบบหลังบ้านหลายๆ ระบบพร้อมกัน เพราะระบบรวมแชทรวมจากทุกช่องทางที่คุณขายออนไลน์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ลดความสับสน และตอบลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น

2.  การจัดการแชทที่มีประสิทธิภาพ

ระบบรวมแชทอย่าง Zaapi มาพร้อมฟีเจอร์การจัดการแชทที่ทันสมัย เช่น การตอบกลับอัตโนมัติ การตั้งค่าข้อความต้อนรับ และการติดแท็กลูกค้าเพื่อแยกประเภท ทั้งยังมีฟีเจอร์การจัดการทีม ทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณดูประวัติการแชทของแอดมิน มอบหมายแชทให้แอดมิน และเพิ่มทีมแอดมินได้ง่าย คุณจึงสามารถวางแผนการตอบแชทได้อย่างเป็นระบบ ดูแลลูกค้า และรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

จองเวลาสาธิตการใช้งาน

3.  เพิ่มความเร็วในการตอบลูกค้า

ระบบรวมแชทช่วยลดเวลาในการตอบแชทของทีมแอดมินและทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน เพราะแอดมินสามารถดูข้อความจากทุกช่องทางอย่างเฟสบุ๊ค, ไอจี, TikTok ฯลฯ ได้แบบเรียลไทม์ในระบบเดียว ให้คุณตอบแชทได้อย่างรวดเร็ว แค่ลูกค้าทักมาปุ๊บ ก็ตอบได้ปั๊บ เรียกว่าไม่ว่าจะขายช่องทางไหน ลูกค้าแชทมาเมื่อไหร่ก็พร้อมให้บริการได้ในทันที

ทั้งนี้หากอยากตอบแชทลูกค้าให้เร็วยิ่งขึ้น ควรเลือกใช้ระบบรวมแชทที่ผสานฟีเจอร์แชทบอท (Chatbot) ในตัว เพื่อให้คุณตอบแชทลูกค้าได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องลงมือตอบเอง อย่างฟีเจอร์แชทบอท AI ของ Zaapi ก็สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้อความต้อนรับลูกค้า, ข้อความตอบกลับนอกเวลาทำการ, ข้อความตอบกลับเมื่อปิดแชท หรือข้อความตอบกลับคำถามที่พบบ่อย ก็สามารถตั้งค่าคำตอบได้เลย ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณตอบแชทลูกค้าได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยให้โต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

วิธีสร้างแชทบอท AI แบบไม่ต้องเขียนโค้ด

4.  ช่วยให้ทีมแอดมินทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

การจัดการทีมเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของระบบรวมแชทนี้ เพราะทีมแอดมินสามารถแบ่งงานระหว่างกันได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นกรณีที่แชทบอทสามารถตอบคำถามได้หรือแชทที่ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือพิเศษก็ตาม เช่น การมอบหมายข้อความให้ทีมที่เกี่ยวข้อง, การดูสถานะงาน, การติดตามว่าข้อความไหนยังไม่ได้รับการตอบกลับ หรือการดูประวัติแชทของแอดมิน สิ่งเหล่านี้ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน

5.  เครื่องมือช่วยบันทึกข้อมูลลูกค้า

Zaapi มาพร้อมฟีเจอร์ CRM เบื้องต้นที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถจดบันทึกข้อมูลสำคัญของลูกค้าไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดการสั่งซื้อ ความต้องการพิเศษ หรือข้อมูลการติดต่อ ช่วยให้ทีมสามารถติดตามเรื่องราวของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างต่อเนื่อง ตอบคำถามได้ตรงจุด และวัดผลการบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่ช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้า

6.  ช่วยเพิ่มยอดขายผ่านการติดตามลูกค้า

โดยทั่วไประบบรวมแชทสามารถแจ้งเตือนให้ทีมงานติดตามลูกค้าที่แสดงความสนใจในสินค้าได้ หรือมีฟีเจอร์ติดแท็กแชทลูกค้าเพื่อจัดกลุ่มแชทลูกค้า โดยคุณสามารถติดแท็กและกรองแชทผ่านคีย์เวิร์ดต่างๆ เช่น ลูกค้าใหม่, ลูกค้า VIP, ลูกค้าโปรโมชั่น, ออเดอร์ ฯลฯ ให้ไม่พลาดโอกาสในการปิดการขาย และช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว เมื่อคุณสามารถปิดการขายและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าแล้ว โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำและเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าขาประจำก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติต่างๆ

7.  ลดความเครียดของทีมงาน

ทีมงานและทีมแอดมินสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการจัดการแชทที่เป็นระบบและการเข้าถึงแชทจากช่องทางต่างๆ ได้ในที่เดียว ทั้งยังลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การตอบคำถามซ้ำๆ การตอบแชทซ้ำ หรือแม้กระทั่งการมอบหมายแชทที่ชัดเจน ทำให้แอดมินรู้ว่าต้องจัดการแชทไหนและตอบแชทไหนก่อน ระบบรวมแชทจึงช่วยลดความยุ่งยากและลดความเครียดในการทำงานของแอดมิน ให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

8.  การรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล

ระบบรวมแชทมาพร้อมฟีเจอร์แดชบอร์ดที่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยรวมของการตอบแชทลูกค้าไว้ในหน้าแดชบอร์ด (Dashboard) เดียว เช่น จำนวนแชทลูกค้า, เวลาตอบกลับ, อัตราการตอบแชท, ผลลัพธ์ของการสนทนา, การตอบแชทโดยรวมหรือในแต่ละแพลตฟอร์ม ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจออนไลน์และทีมแอดมินของร้านมีข้อมูลเชิงลึกในมือและร่วมกันวางแผนกลยุทธ์การตอบแชทลูกค้าได้แม่นยำขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าประทับใจ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์แดชบอร์ด

9.  รองรับการเติบโตของธุรกิจ

เมื่อธุรกิจออนไลน์ของคุณขยายตัว จำนวนข้อความและลูกค้าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ลูกค้าจะทักแชทร้านคุณมาจากหลากหลายช่องทาง ทำให้จำนวนแชทจากเฟสบุ๊ค, ไอจี, ไลน์, TikTok หรือแม้แต่จากช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada และ Shopee ก็จะทวีคูณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ระบบรวมแชทจึงเข้ามาช่วยตรงนี้ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการตอบแชทได้มากขึ้นและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเพิ่มภาระให้กับทีมแอดมิน

10.  สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า

สุดท้ายและสำคัญที่สุด ระบบรวมแชทช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจของคุณให้ความสำคัญกับพวกเขา การตอบแชทที่รวดเร็วและแม่นยำจะสร้างประสบการณ์ที่ดี ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการติดต่อและการบริการให้กับลูกค้า ทั้งยังเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะบอกต่อแบรนด์ของคุณให้กับเพื่อนและคนใกล้ตัวอีกด้วย เพราะเมื่อลูกค้าประทับใจในการให้บริการและสินค้าของคุณแล้ว ลูกค้าคนนั้นๆ ก็จะบอกต่อปากต่อปาก และร้านคุณก็จะได้รับการโปรโมทและทำการตลาดแบบฟรีๆ

โปรแกรมตอบแชทลูกค้าเจ้าไหนดี?

สำหรับโปรแกรมตอบแชทลูกค้าที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องลองและต้องมีนั้น ถือว่ามีหลายเจ้าที่น่าสนใจเลยทีเดียว มีทั้งโปรแกรมรวมแชทและ แชทบอท (Chatbot) และอีกมากมาย มาดูดีกว่าว่าแบบไหนที่เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ของคุณ!

วิธีการสร้างแชทบอท

1. Zaapi

Zaapi คือ แอพสำหรับธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ ครอบคลุมทั้งบนโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่เฟสบุ๊ค, ไอจี, ไลน์, ,TikTok Shop, Shopee และ Lazada รวมแชทจากทุกช่องทางให้การตอบเเชทเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เพิ่มโอกาสปิดการขายให้ธุรกิจ เพียงไม่ถึง 1 นาทีร้านคุณก็พร้อมรับออเดอร์ลูกค้าและพร้อมขายทันที

ระบบรวมแชท Zaapi เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของแอพ Zaapi ที่ช่วยจัดการแชทจากช่องทางโซเชียลให้เป็นระบบโดยแบ่งประเภทและระบุชัดเจนว่าแต่ละแชทมาจากช่องทางไหน ช่วยให้ตอบแชทลูกค้าได้เร็ว ไม่มีตกหล่น และปิดการขายได้เร็วขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้นเพราะ Zaapi ยังมีระบบหลังบ้านที่ไม่ได้มีดีแค่ระบบรวมแชท แต่ยังช่วยซัพพอร์ตการขายออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการออเดอร์ สร้างคำสั่งซื้อผ่านแชทได้ทันที บริหารงานง่าย ครบจบบนแพลตฟอร์มเดียว

จุดเด่นของ Zaapi

  • มีระบบรวมแชทจากทุกแพลตฟอร์มไว้ครบจบในที่เดียว
  • ดูรายงานยอดขายได้แบบเรียลไทม์
  • มีระบบอัตโนมัติช่วยใช้งานง่าย ตอบคอมเมนต์ Facebook อัตโนมัติ
  • มี Flow Builder ระบบสร้างแชทบอท AI ที่ใช้งานง่าย ไม่เก่งคอมฯ ก็ทำได้
  • มีทีมงานไทยโดยเฉพาะคอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
  • เชื่อมต่อได้หลายแพลตฟอร์มได้แก่ Facebook, Instagram, Whatsapp, LINE OA, Tiktok Shop, Shopee และ Lazada

2. Zowie For Chat

Zowie For Chat เป็นระบบแชทบอท (Chatbot) ที่มี AI เข้ามาเสริมประสิทธิภาพ ช่วยจัดการงานแชทให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทั้งยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลจากประวัติการแชทเพื่อออกแบบกลยุทธ์เฉพาะของแต่ละธุรกิจด้วย ถือว่าน่าสนใจมาก แถมยังรองรับมากถึง 56 ภาษา หากวางแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ บอกเลยว่า Zowie For Chat ถือเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาเลยทีเดียว

จุดเด่นของ Zowie For Chat

  • รองรับทั้งแชทบอทในเว็บไซต์ แชทโซเชียลมีเดีย แชทในอุปกรณ์พกพา และแอพส่งข้อความต่าง ๆ 
  • รองรับสูงสุด 56 ภาษา เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจมีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
  • มีการแนะนำการตอบคำถามและมีการเตรียมการตอบกลับที่เตรียมไว้ล่วงหน้า
  • มีการรายงานและการวิเคราะห์สถิติ

3. Utimate.ai

Utimate.ai คือโปรแกรมตอบแชทลูกค้าที่มีแชทบอทในตัว ถือเป็นแพลตฟอร์มแชทอัตโนมัติขนาดใหญ่ที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ตั้งค่าล่วงหน้าและตอบแชทลูกค้าได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยาก ถือเป็นแพลตฟอร์มแชทบอทที่มีความยืดหยุ่นสูงและตอบโจทย์การทำธุรกิจได้กว้าง ทุกตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะ Utimate.ai รองรับได้มากถึง 109 ภาษา

จุดเด่นของ Utimate.ai

  • มีการให้คำแนะนำในการตอบกลับลูกค้า
  • สามารถกำหนดเส้นทางในการตอบแชทลูกค้าเองได้
  • มีการจัดลำดับความสำคัญของแชทและส่งต่อเรื่องให้แอดมินได้อย่างแม่นยำ 
  • สามารถวิเคราะห์สถิติการบริการแชทและรายงานผลเพื่อนำไปพัฒนาต่อไปได้
  • เชื่อมต่อกับระบบ CRM มีการแสดงออเดอร์และระบบภายในร้าน ช่วยให้เห็นทุกความเคลื่อนไหวในหน้าเดียว

4. Connect X

หากถามหาระบบรวมแชทที่สามารถตอบกลับได้ทุกแพลตฟอร์ม Connect X คือระบบรวมแชทที่เก็บข้อมูลและติดตามลูกค้าได้จากทุกช่องทาง สามารถระบุได้ว่าแต่ละแชทมาจากแพลตฟอร์มไหน สนใจสินค้าอะไร  หรือแม้กระทั่งเคยแชทมาจากช่องทางไหน ถือว่าจัดการแชทได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ข้อดีคือ แอดมินสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างตรงจุดและทำให้ลูกค้าประทับใจได้ง่ายขึ้น

จุดเด่นของ Connect X

  • รวมแชทและรองรับทุกช่องทางโซเชียลมีเดียได้ครบ เช่น Facebook, Instagram, LINE OA, Live Chat เว็บไซต์ และพันทิป
  • มีการจับคีย์เวิร์ดในกระทู้พันทิป เพื่อให้แอดมินเข้าไปตอบคอมเมนต์ได้ทันทีที่มีการพูดถึงแบรนด์หรือร้าน
  • มีระบบ CRM และ Loyalty Program ช่วยสานสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมส่งตรงโปรโมชั่นถูกใจลูกค้าง่าย ๆ 
  • การจัดการเป็นแบบ Ticket Management ส่งข้อความแชทของลูกค้าไปยังแอดมินที่ได้รับมอบหมายได้งานรวดเร็วขึ้น

5. Kaojao

Kaojao เป็นแชทบอทที่เหมาะกับคนขายของใน Facebook มาก ๆ เพราะสามารถจับคีย์เวิร์ด ตอบข้อความ รวมถึงดึงคอมเมนต์เข้าอินบ็อกซ์เพื่อปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บอทของ Kaojao ยังรับโอนเงินแทนทางร้านได้ด้วย ถือว่าสะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์คนที่เน้นขายของออนไลน์ใน Facebook เป็นอย่างมาก

จุดเด่นของ Kaojao

  • ออกแบบมาเพื่อการขายของในเพจเฉพาะ
  • มีระบบตอบแชทลูกค้าอัตโนมัติ ตอบกลับทันที ลูกค้าไม่หนีหาย
  • มีระบบดึงคอมเมนต์เข้าแชทเพื่อปิดการขายได้อย่างท่วงทัน
  • มีฟีเจอร์ไลฟ์และฟีเจอร์ CF จัดการออเดอร์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ออเดอร์ไม่มีตกหล่น

6. ManyChat

ManyChat ตัวเลือกระบบตอบแชทลูกค้าที่เป็นแชทบอทในตัว หลายคนคุ้นหูกันอยู่แล้ว มีเจ้าของร้านค้าออนไลน์หลายคนใช้โปรแกรมนี้เพราะสามารถใช้งานได้ฟรีและสามารถปรับแต่งข้อความการใช้งานได้หลายแบบ และนอกจากจะตอบแชทลูกค้าได้แล้ว ยังออกแบบข้อความและคำถามโดยกำหนดคีย์เวิร์ดได้ด้วย ทำให้การตอบแชทเป็นธรรมชาติ ไม่น่าเบื่อเหมือนคุยกับหุ่นยนต์ ช่วยให้พูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้หลากหลายและประเมินสถานการณ์หลังลูกค้าตอบกลับได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของ ManyChat

  • เป็นระบบตอบแชทอัตโนมัติ
  • ปรับแต่งการใช้งานและออกแบบข้อความได้หลากหลาย
  • เชื่อมต่อแชทบอทได้หลายช่องทาง เช่น SMS, Facebook, Instagram, WhatsApp ฯลฯ
  • เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี!

โปรแกรมตอบแชทลูกค้าไหนที่ใช่คุณ?

ปัจจุบันมีโปรแกรมตอบแชทลูกค้าเต็มท้องตลาดไปหมด แต่เราได้รวม 6 โปรแกรมที่น่าสนใจมาไว้ให้แล้วข้างต้น ไม่ต้องไปเสียเวลาตามหาอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ทดลองใช้งานดูก่อนว่าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ แบบไหนที่คุณถนัด และแบบไหนที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาในการตอบแชทและเพิ่มประสิทธิภาพในการขายได้ดีที่สุด เช่น ถ้าชอบโปรแกรมตอบแชทที่สะดวกสบายและใช้งานง่ายตรงไปตรงมา ก็อาจจะลองเลือกใช้ระบบรวมแชท Zaapi หรือถ้าธุรกิจใหญ่ตอบเองไม่ไหว ก็เลือกแชทบอทอื่นๆ มาใช้งานแทนได้

แชทบอท มาร์เก็ตติ้ง (Chatbot Marketing) คืออะไร?

แชทบอท (Chatbot) คือ โปรแกรมที่สามารถสื่อสารกับผู้ใช้งาน ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายผ่านข้อความหรือเสียงโดยอัตโนมัติ ซึ่งทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยทั่วไปที่เรามักจะพบเห็นการใช้งานแชทบอทก็มีหลายช่องทางด้วยกัน เช่น Facebook Messenger, ไอจี, LINE OA, เว็บไซต์ หรือแม้แต่บนแอปพลิเคชันมือถือ ซึ่งแชทบอทที่ดีและมีประสิทธิภาพจะสามารถเข้าใจคำถามของลูกค้า ตอบคำถาม แนะนำสินค้า จองคิว หรือแม้กระทั่งปิดการขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้แบบอัตโนมัติ

แชทบอท มาร์เก็ตติ้ง (Chatbot Marketing) จึงหมายถึง การใช้แชทบอทเป็นเครื่องมือทางการตลาด เพื่อโต้ตอบโดยอัตโนมัติและสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง เพื่อให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายและร้านมีปฏิสัมพันธ์กันได้ทันที เป็นการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และขับเคลื่อนให้เกิดยอดขายผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแชทบอท

ทำไมแชทบอท (Chatbot) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของ Digital Marketing ยุคใหม่?

การใช้แชทบอทกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์หรือการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ของคุณนั้นมีหลายข้อดีด้วยกัน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านกับลูกค้าให้ดีขึ้นด้วย ทั้งยังช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนี้:

1.  ให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แชทบอทช่วยให้ธุรกิจคุณสามารถบริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ลูกค้าสามารถทักแชทเข้ามาสอบถามข้อมูลหรือซื้อสินค้าได้ตลอดเวลา ช่วยลดโอกาสในการเสียลูกค้าไป เพราะหากลูกค้าทักมานอกเวลาทำการ ต้องรอแอดมินตอบแชทนานๆ หรือไม่มีคนตอบ ลูกค้าก็มีโอกาสที่จะหันหน้าเข้าหาคู่แข่งของคุณได้

2.  ตอบสนองแบบเรียลไทม์

แชทบอทช่วยให้ธุรกิจตอบกลับลูกค้าได้ทันที เมื่อลูกค้าทักแชทเข้ามา แชทบอทก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสามารถตั้งค่าข้อความทักทายหรือการตอบกลับได้ด้วยคีย์เวิร์ดต่างๆ วิธีนี้สามารถช่วยสร้างความประทับใจและลดความลังเลในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้

3.  เพิ่มโอกาสปิดการขาย

สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ก็คือ ยอดขาย และแชทบอทก็เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อมีลูกค้าเข้ามา แชทบอทสามารถนำเสนอโปรโมชั่น แนะนำสินค้าที่ตรงใจ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้อัตโนมัติ

4.  ลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนของทีมงานและแอดมิน

สำหรับการตอบแชทแล้ว งานที่ซ้ำซ้อนคือการตอบคำถามที่ลูกค้าถามเข้ามาบ่อยๆ เดิมๆ ซ้ำๆ เช่น วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีชำระเงิน หรือการติดตามสินค้า เป็นต้น และแชทบอทก็สามารถจัดการกับคำถามเหล่านี้ได้หมด ช่วยให้ทีมงานและแอดมินร้านมีเวลาโฟกัสงานที่สำคัญหรือซับซ้อนกว่า เช่น การให้ความช่วยเหลือลูกค้าในกรณีพิเศษหรือเร่งด่วน หรือแม้แต่การดูข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตอบแชทลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น

5.  รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้า

แชทบอทที่ดีและมีประสิทธิภาพ สามารถเก็บข้อมูลการสนทนา ความสนใจ หรือพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำไปวิเคราะห์และวางแผนการตลาดต่อได้ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแข็งที่ธุรกิจออนไลน์สามารถนำไปต่อยอดเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้ได้ผลในลำดับถัดไป

ข้อดีคือปัจจุบันมีหลายผู้ให้บริการแชทบอทที่ให้คุณเลือกใช้งานเพื่อตอบโจทย์กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ อย่าง Zaapi เองก็มีทั้งฟีเจอร์แอดมิน AI และอีกหลายฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณตอบแชทลูกค้าและวางแผนการตลาดได้อย่างราบรื่น

วิธีการสร้างแชทบอท AI ง่ายๆ ด้วย Flow Builder ฟีเจอร์ใหม่จาก Zaapi

ตัวอย่างการใช้งานแชทบอท (Chatbot) ในกลยุทธ์มาร์เก็ตติ้ง

หากไม่แน่ใจว่าคุณจะสามารถผสานการใช้งานแชทบอทกับการทำการตลาดหรือการทำมาร์เก็ตติ้ง (Marketing) ได้อย่างไร นี่คือ 4 ตัวอย่างที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในการทำธุรกิจออนไลน์

1.  แนะนำสินค้าและบริการ

แชทบอทสามารถวิเคราะห์คำถามหรือความต้องการของลูกค้า แล้วนำเสนอสินค้าได้ตรงใจ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าพิมพ์ถามว่า “มีน้ำหอมผู้หญิงไหมคะ?” แชทบอทสามารถตอบกลับพร้อมลิงก์สินค้าที่เกี่ยวข้องและโปรโมชั่นได้ทันที เพียงแต่คุณต้องตั้งค่าคีย์เวิร์ดเมื่อสร้างโฟลว์แชทเท่านั้น

2.  ปิดการขายแบบอัตโนมัติ

เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อ แชทบอทสามารถพาไปยังหน้าชำระเงิน หรือนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ทันที เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคาสินค้า 50% เมื่อซื้อสินค้าชิ้นที่สอง ในขั้นตอนสุดท้าย วิธีนี้นอกจากจะช่วยปิดการขายได้อัตโนมัติแล้วยังเพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อการสั่งซื้อได้อีกด้วย

3.  การจัดการแคมเปญการตลาด

แชทบอทสามารถส่งข้อความโปรโมชั่นถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทีละหลายๆ คนหรือที่เราเรียกกันว่า บรอดแคสต์ เช่น แจ้งโปร 11.11 โปรซื้อ 1 แถม 1 หรือโปรส่งฟรีทั่วไทย เฉพาะลูกค้าที่เคยกดสั่งซื้อสินค้ามาก่อนหน้านี้ หรือส่งโปรลดราคาไปยังลูกค้าที่สนใจแต่ยังลังเลที่จะซื้อสินค้า เป็นต้น

4.  ติดตามสถานะและบริการหลังการขาย

หลังจากลูกค้าซื้อสินค้า แชทบอทสามารถติดตามและแจ้งสถานะการจัดส่ง อัปเดตสถานะอัตโนมัติ และเปิดช่องทางให้ลูกค้าให้คะแนนหรือแจ้งปัญหาได้อย่างง่ายดาย

ข้อดีของการใช้งาน AI และแชทบอท กับกลยุทธ์ Digital Marketing

ในยุคนี้ การตลาดไม่ใช่แค่การโฆษณาเท่านั้น แต่เป็น “การสื่อสารแบบมีปฏิสัมพันธ์” กับลูกค้าในทุกช่องทางอย่างเป็นระบบโดยการนำ AI และแชทบอทมาทำงานร่วมกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ทำให้เกิดความได้เปรียบหลายด้าน เช่น

1.  การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ (Real-Time)

แชทบอทเกิดจากเทคโนโลยี AI ที่สามารถเรียนรู้จากการแชทหรือบทสนทนา รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูล และเสนอแนวทางการตอบกลับอย่างแม่นยำมากขึ้น แชทบอทจึงฉลาดขึ้น เมื่อใช้งานนานขึ้น และเมื่อคุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบนี้ได้แล้ว ก็จะสามารถนำไปต่อยอดการทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2.  สร้าง Personalization ที่ลึกขึ้น

การตลาดแบบ Personalized หรือ การตลาดเฉพาะบุคคล (Personalization) เช่น การเรียกชื่อลูกค้า การแนะนำสินค้าที่เคยดู หรือการส่งโค้ดส่วนลดเฉพาะบุคคล ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและอยากกลับมาซื้อซ้ำ

3.  เชื่อมต่อหลายช่องทาง (Omnichannel Marketing)

แชทบอทสามารถทำงานบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น LINE, Facebook, IG หรือเว็บไซต์ พร้อมซิงค์ข้อมูลลูกค้าในทุกช่องทางแบบไร้รอยต่อ ทำให้คุณสามารถตอบสนองลูกค้าและทำการตลาดได้หลายช่องทางพร้อมกัน

7 เครื่องมือ AI ช่วยดันยอดขายร้าน E-commerce ให้โตได้จริง

แนะนำ 10 แชทบอทยอดนิยม

1.  แชทบอท Zaapi

Zaapi คือ แพลตฟอร์มสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีระบบแชทบอท AI ในตัว ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับร้านค้าที่ต้องการระบบรวมแชทจากหลายช่องทาง เช่น Facebook, Instagram, LINE OA, WhatsApp, TikTok, Shopee และ Lazada

ฟีเจอร์เด่น:

  • แชทบอท AI ตอบคำถามสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติ
  • รวมแชทจากทุกแพลตฟอร์มไว้ที่เดียว
  • ตั้งข้อความต้อนรับและตอบคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ได้ง่าย
  • แอดมิน AI พร้อมบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
  • ระบบอัตโนมัติ ที่เริ่มต้นใช้งานง่ายด้วยเทมเพลตสำเร็จรูป หรือสร้างระบบอัตโนมัติไว้ตอบแชทได้อย่างอิสระ
  • บรอดแคสต์ เข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดเพื่อวางแผนแคมเปญที่สร้างยอดขายได้จริง
  • แดชบอร์ด วิเคราะห์การตอบแชทพร้อมข้อมูลเชิงลึกเพื่อติดตามการขายผ่านแชทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าออนไลน์มือใหม่ถึงขนาดกลางที่ต้องการระบบครบวงจรแบบไม่ซับซ้อน

ราคา: ทดลองใช้งานฟรีได้ 7 วัน หรือเริ่มต้นที่ 440 บาท/เดือน

ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน คลิก

เรียนรู้วิธีสร้างแชทบอทง่ายๆ คลิก

2.  แชทบอท ZWIZ.AI

ZWIZ.AI (สวิส เอไอ) เป็นหนึ่งในแชทบอทที่ได้รับความนิยมสูง ใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์หลากหลายที่ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะ

ฟีเจอร์เด่น:

  • แชทบอท AI ภาษาไทย เข้าใจบริบทของคำถามที่ลูกค้าทักแชทเข้ามา
  • ระบบถาม-ตอบอัตโนมัติ พร้อมเก็บข้อมูลลูกค้าในตัว
  • รองรับการใช้งาน Facebook, LINE OA, ไอจี, TikTok และ WhatsApp
  • มีระบบ CRM และบรอดแคสต์ข้อความ

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าที่เน้นการบริการลูกค้าและเก็บข้อมูลเพื่อนำไปทำการตลาดต่อเนื่อง

ราคา: ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือเริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาท/เดือน

3.  แชทบอท wati.io

Wati คือเครื่องมือแชทบอทที่เน้น WhatsApp Business API เหมาะกับร้านค้าที่มีฐานลูกค้าใน WhatsApp และต้องการแชทบอทอัตโนมัติคุณภาพสูง

ฟีเจอร์เด่น:

  • ใช้งานร่วมกับ WhatsApp API อย่างเป็นทางการ
  • รองรับการบรอดแคสต์ข้อความจำนวนมาก
  • แชทบอทอัตโนมัติ และระบบเวิร์กโฟลว์ (Workflow)
  • ระบบจัดการทีม (assign แอดมินได้หลายคน)
  • สื่อสารหลังการขาย เช่น อัปเดตคำสั่งซื้อและแก้ไขคำขอการสนับสนุน
  • สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้ เช่น Shopify, HubSpot, Zapier ฯลฯ

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าและธุรกิจที่มีฐานลูกค้าต่างประเทศ หรือใช้ WhatsApp เป็นช่องทางหลัก

ราคา: ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือเริ่มต้นที่ $49 หรือราวๆ 1,300 บาท/เดือน

4.  แชทบอท SleekFlow

SleekFlow เป็นแพลตฟอร์มจัดการข้อความและแชทบอทระดับองค์กร รองรับหลายแพลตฟอร์มในที่เดียว พร้อมฟีเจอร์ Automation ที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ

ฟีเจอร์เด่น:

  • รวมแชทจาก Facebook, LINE, ไอจี และ WhatsApp
  • รองรับระบบ Automation และเวิร์กโฟลว์ (Workflow) ที่ซับซ้อนได้
  • ระบบวิเคราะห์ลูกค้า (Analytics) พร้อมข้อมูลเชิงลึก
  • เชื่อมต่อกับ Shopify, WooCommerce, CRM ต่าง ๆ ได้

เหมาะสำหรับ: ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก

ราคา: ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือเริ่มต้นที่ราวๆ 6,900 บาท/เดือน

5.  แชทบอท Chatfuel

Chatfuel เป็นแพลตฟอร์มสร้างแชทบอทที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่เน้นการสื่อสารหรือขายผ่าน Facebook Messenger เป็นหลัก

ฟีเจอร์เด่น:

  • สร้างแชทบอทแบบ Drag & Drop ลาก วาง ทำง่าย
  • มีเทมเพลตพร้อมใช้สำหรับธุรกิจต่าง ๆ
  • รองรับการใช้งาน Facebook, ไอจี และ WhatsApp
  • รองรับการเชื่อมต่อ API และฟีเจอร์ขั้นสูงที่รองรับการทำงานกับ Shopify, Zapier, Google Sheet ฯลฯ
  • ปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ
  • สามารถส่งข้อความบรอดแคสต์ได้ทีละหลายๆ ข้อความ

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าที่ต้องการแชทบอท Facebook Messenger และธุรกิจมีทีมโปรแกรมเมอร์

ราคา: ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือเริ่มต้นที่ $23.99 หรือราวๆ 800 บาท/เดือน

6.  แชทบอท ManyChat

ManyChat คือ แพลตฟอร์มแชทบอทสำหรับ Facebook และ Instagram ที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่หลากหลาย

ฟีเจอร์เด่น:

  • ส่งข้อความอัตโนมัติ (Broadcast)
  • แชทบอทสำหรับแชท Facebook, ไอจี, WhatsApp และ TikTok
  • เชื่อมต่อกับ Shopify, Stripe ฯลฯ
  • รองรับการเก็บ Leads หรือข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าและบริการ
  • รองรับการใช้งานทั้งสำหรับครีเอเตอร์ (Creator) ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ และเอเจนซี่

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าออนไลน์ที่เน้น Facebook และ เป็นหลัก

ราคา: ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือเริ่มต้นที่ $15 หรือราวๆ 500 บาท/เดือน

7.  แชทบอท BOTNOI (บอทน้อย)

BOTNOI หรือ บอทน้อย เป็นแชทบอทสัญชาติไทยอีกหนึ่งรายที่พัฒนาโดยนักพัฒนาไทย มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเสียเงิน ทั้งยังรองรับการใช้งานหลากหลายช่องทาง

ฟีเจอร์เด่น:

  • ตอบแชทได้อัตโนมัติ
  • รองรับภาษาไทยได้ดี
  • ปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ
  • ใช้งานง่ายผ่านระบบอัตโนมัติ BOT Builder
  • รองรับการเชื่อมต่อหลายแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, LINE OA Facebook และ WhatsApp

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน

ราคา: เริ่มต้นที่ 149 บาท/เดือน

8.  แชทบอท LINE OA Chatbot (Official LINE Messaging API)

หากร้านค้าของคุณใช้ LINE OA เป็นช่องทางหลัก คุณสามารถสร้างแชทบอทผ่าน LINE Messaging API หรือใช้บริการจากพาร์ทเนอร์เพื่อโต้ตอบกับลูกค้าอัตโนมัติได้ โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถส่งข้อความ แจ้งเตือน ตอบคำถามลูกค้า ทั้งยังเก็บข้อมูลและเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้

ฟีเจอร์เด่น:

  • สร้าง Rich Menu และตอบกลับอัตโนมัติ
  • เชื่อมต่อ CRM และระบบสมาชิก
  • รองรับข้อความอัตโนมัติแบบ Flex Message ที่ออกแบบการตอบกลับอัตโนมัติได้ตามต้องการ
  • ดึงข้อมูลโปรไฟล์ผู้ใช้งาน เพื่อเก็บข้อมูลและนำไปใช้ในการทำการตลาดได้

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าที่เน้นลูกค้ากลุ่มคนไทยซึ่งนิยมใช้ LINE

ราคา: มีโควตาการใช้งานฟรี และสามารถเปลี่ยนแพ็คเกจได้ตามความเหมาะสม

9.  แชทบอท Respond.io

Respond.io คือ แพลตฟอร์มการรวมแชทที่รองรับการทำงานร่วมกับแชทบอทและทีมงานหลากหลายช่องทาง ทั้ง WhatsApp อีเมล และโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, ไอจี, TikTok และอื่นๆ

ฟีเจอร์เด่น:

  • รองรับ LINE, WhatsApp, Facebook, IG ฯลฯ
  • ระบบตอบกลับอัตโนมัติ และมอบหมายงานให้แอดมิน
  • มีระบบวิเคราะห์ข้อมูล และจัดการทีม
  • ทำงานร่วมกับแอปและโปรแกรมอื่นๆ ได้ เช่น Zapier, HubSpot, Shopify, Salesforce, Google Sheets ฯลฯ

เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่ต้องการบริหารทีมขายและบริการลูกค้าพร้อมกัน

ราคา: ทดลองใช้งานฟรีได้ 14 วัน หรือเริ่มต้นที่ราวๆ 3,300 บาท/เดือน

10. แชทบอท Botsify

Botsify คือ แพลตฟอร์มแชทบอทที่ใช้งานง่าย ออกแบบมาเพื่อให้ทำงานกับทีมแอดมินได้เป็นอย่างดี แค่ลากและวางก็ออกแบบระบบตอบแชทอัตโนมัติได้ตามความต้องการของธุรกิจ

ฟีเจอร์เด่น:

  • ใช้งานง่าย แค่ Drag & Drop หรือ ลาก วาง
  • มีเทมเพลตให้เลือกใช้งานด้วยระบบ AI สำเร็จรูป
  • วิเคราะห์ข้อมูลได้ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องเขียนโปรแกรมก็ใช้ได้
  • รับมือกับการแชทหรือสนทนาแบบซับซ้อนได้

เหมาะสำหรับ: ร้านค้าหรือธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นหาผู้ช่วยในการตอบแชทและบริการลูกค้า

ราคา: เริ่มต้นที่ $49 หรือประมาณ 1,600 บาท/เดือน

เลือกใช้งานแชทบอทให้เหมาะกับร้านคุณ!

ก่อนเลือกใช้แชทบอทกับร้านค้าหรือธุรกิจออนไลน์ของคุณ อย่าลืมพิจารณาตามเกณฑ์เหล่านี้ให้ดีเสียก่อน:-

  • ช่องทางหลักของคุณคืออะไร? (LINE, Facebook, ไอจี, TikTok, WhatsApp, Shopee, Lazada)
  • งบประมาณต่อเดือนที่พร้อมจ่ายให้กับการใช้บริการแชทบอท
  • ความซับซ้อนของสินค้าหรือบริการ
  • ขนาดของทีมงาน (มีแอดมินหรือไม่มี หากมี มีกี่คน)
  • ต้องการระบบเสริมเช่น CRM หรือฟังก์ชั่นบรอดแคสต์หรือไม่
  • ต้องการแชทบอทพร้อมฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกหรือเปล่า

หากคุณเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการความง่ายและระบบรวมแชทแบบครบวงจรในที่เดียว แนะนำให้ลองเริ่มต้นกับ Zaapi ซึ่งเหมาะกับตลาดไทยและเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าไทยเป็นอย่างดี

เพราะการใช้แชทบอทไม่ใช่แค่เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจออนไลน์เท่านั้น แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการปิดยอดขาย และยกระดับธุรกิจของคุณให้ดูมืออาชีพยิ่งขึ้น

หากคุณยังไม่เคยลองใช้ ลองเริ่มจากแพลตฟอร์มที่มีเวอร์ชั่นใช้ฟรีก่อน แล้วค่อยขยายตามความเติบโตของร้านก็ได้เช่นกัน

ในโลกของธุรกิจออนไลน์ที่การแข่งขันสูงและลูกค้าเปลี่ยนใจได้ในพริบตา การมีเครื่องมือที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น CRM ที่ช่วยจัดการและเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ระบบรวมแชทที่ทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องง่ายและเป็นระบบ หรือแชทบอทและ AI Tools ที่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา — เครื่องมือเหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยสำคัญที่เจ้าของร้านควรมีไว้ติดธุรกิจ หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น บริหารได้ง่ายขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้งาน Zaapi ฟรี 7 วัน

เริ่มต้นใช้งานฟรี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง

  • LINE OA: @zaapi
  • Facebook Page: Zaapi Thailand
  • Tel: 096-927-1729

รวมแชท ตอบแชท ทุกช่องทางการขาย ครบ จบ ในที่เดียว เพราะ Zaapi คือ ระบบแชทบอท AI ที่ดีที่สุดในไทย

 

อ้างอิง:

Image by storyset on Freepik

 

ทดลองใช้ Zaapi ฟรี

ถ้าคุณพร้อมแล้วที่จะสัมผัสประสบการณ์การแชทกับลูกค้าที่ดีกว่า ลงทะเบียนตอนนี้และเริ่มใช้ Zaapi ฟรี
หากยังไม่แน่ใจ จองเวลาสาธิตการใช้งาน 30 นาที เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำการใช้งานระบบต่างๆ
ทั้งระบบอัตโนมัติและแชทบอท เพื่อเข้าใจว่าทำไมบริษัทต่างๆ ทั่วโลกจึงไว้วางใจใช้งาน Zaapi